สาเหตุที่ปลาคาร์ฟป่วย
- Easy Koi Center
- Apr 6, 2022
- 6 min read
ไม่อ่านจะเสียใจ ว่ากันเรื่อง ”สาเหตุปลาป่วยอย่างเดียวเลย” จะได้ไม่เข้าใจผิดๆกันอีก การันตีความยาวเลยหล่ะ 5555 ถ้าขี้เกียจอ่าน เลื่อนไปที่สรุปเลย ล่างๆ (Star war 9 episode ชัดๆ)
เอาปลาใหม่เข้ามา แล้ว ทำไม ปลาเก่าป่วย ปลาใหม่ พาเชื้อมาจริงหรือ ??? ความเชื่อที่ว่าซื้อปลาต่างฟาร์มระวัง จะติดโรคน่ะ มันจริงหรือ กับหลักการนี้ ??? ปลาฟาร์มนั้นฟาร์มนี้ มีเชื้อใหม่ให้ระวังน่ะ ถามกลับ ไม่มีปลาใหม่แต่ปลาป่วยคราวนี้จะโทษอะไร ??? ทำไมคนอื่นซื้อปลาฟาร์มนั้นๆไป ไม่เห็นป่วยบ้าง เขาจัดการอย่างไร ??? ขอหลักการหน่อย ถ้าทนอ่านได้ก้อลองดู ขนาดเขียนสั้นๆแล้วก้อยังยาวน่ะครับ ขอใช้ภาษาพุดด้วยในบางจุด ถือว่าเป็นความรู้แชร์กันเผื่อจะได้ประโยชน์จาก วิธีการคิด (คือต่อไปถ้ามีเวลาจะเอามาทำเป็น info ให้เข้าใจง่ายๆ)
คือ เราควรตั้งคำถามใหม่ว่า “ปลาป่วยได้อย่างไร หรือปัจจัยอะไรทำให้ป่วยดีกว่าไหม” จะแชร์เบสิกให้ฟังครับ จะได้เข้าใจว่า อะไรสำคัญกว่า จริงๆอยากทำคลิ้ปน่ะแต่ไม่มีเวลาเลย สิ่งที่คนเลี้ยงส่วนใหญ่ จัดการปัญหาไม่ได้คือเรื่อง management เอาหลักการอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกะวิธีรักษา หรือ วิธีกักโรคน่ะครับ อันนี้คือพื้นของพื้นมากๆจริงๆ หลายคนเลี้ยงมานานก้อยังอาจยังไม่เข้าใจในจุดนี้เลยด้วย
อธิบายด้วยภาพที่แชร์เลย 3 อย่างที่จะทำให้ป่วยได้มีดังนี้ เน้นเลยว่า ปัจจัยต้องมาพร้อมกันครบ 3 ครับ (เหมือน ไฟจะไหม้ได้ ต้องมี เชื้อเพลิง ออกซิเจน ประกายไฟ ต้องมาพร้อมกันน่ะครับ ย้ำว่าต้องพร้อม มา แค่ 2 ไม่อาจ Spark ได้ เชื่อหัวคนเคยทำงานบริษัทปิโตรเลียมมาก่อนได้เลย)

1.Environment คือ สิ่งแวดล้อม คือ มีอะไรบ้าง อุณหภูมิ , ph , แอมโมเนีย , ไนไตรท์ , ไนเตรท (หาอ่าน เรื่องวัฎจักรไนโตรเจน) , GH , KH , BOD และ เคมีในน้ำอีกหลายๆตัวที่ไม่ได้พูดถึง) ฯลฯ เอาตัวเด่นๆ เรื่องคุณภาพน้ำ (คือขี้เกียจเขียนหมด เอาที่เจอบ่อยๆ) ก้อจะแยกออกเป็น 2 พวกคือพวกสวิงไปมาได้ กะ พวกสะสม พวกสวิงก้อพวก อุณหภูมิเอย ph เอย พวกสะสม (คือถ้าไม่จัดการ จะเพิ่มสูงเรื่อยๆ) ก้อพวก แอมโมเนีย ไนไตรท์ ไนเตรท (ตามละดับตายด่วน เรียง จากหน้ามาหลังเลย) ตามมาทีละอันเริ่มจาก 1.1 พวกสะสม (จัดการได้ ควบคุมได้) เช่น แอมโมเนีย (nh3nh4) เพราะถ้าสูง ปลาตายได้แบบด่วนๆ แอมโมเนียสูง เกิดจากระบบกรองชีวภาพ ยังไม่ทำงาน หรือ แบคทีเรียดีในระบบกรองไม่มากพอที่จะเปลี่ยน แอมโมเนียเป็นอย่างอื่นตัวถัดไปได้ (ย้ำไปหาอ่านวัฎจักรไนโตรเจน) สาเหตุอีกอันก้อคือ ปลาแน่น (ขับเมือกและของเสียเยอะ และปลาคาร์ฟเป็นสัตว์ที่โคตรขับของเสียเยอะที่สุดของปลาน้ำจืด) และ เจอกับบ่อใหม่ๆ (ที่เรียกว่า new tank syndrome) คือจะบอกว่า ปลาคาร์ฟ แค่เอามาลงบ่อยาง แอมโมเนียก้อขึ้นแล้วครับ เพราะเธอขับเมือกตลอดเวลา คิดเล่นๆเหมือนเราฉี่ในน้ำตลอดเวลา ถ้าเอาปลา 10 ตัวไปลงบ่อยาง 1 ตัน ในวันเดียวแอมโมเนียสูงปรี้ด ส่วนไนไตรท์สูง ส่วนใหญ่ พื้นที่สารกรองไม่พอ ก้อเพิ่มจำนวนวัสดุกรองเอาเพื่อให้แบคทีเรียเปลี่ยนสภาพเป็นไนเตรทต่อไป ส่วนบ้านที่บ่อกรองเซ็ทตัวแล้ว แต่ไม่เคยเช็คไนเตรทเลย อาจจะเพราะเอาน้ำออกไม่พอ (กลัวค่าน้ำพุ่ง แต่เลี้ยงปลาน้ำจืดอย่ากลัวครับ โดยเฉพาะปลาคาร์ฟนี่ค่าคุณภาพน้ำนี่พุ่งๆสุดๆไปเลย พุ่งไปในทางของเสียเยอะน่ะ) หรือไม่มีตัวซับไนเตร เช่น พืช หรือตะไคร่ผนังบ่อมากพอ ซึ่งตัวนี้สูง ปลาจะยังไม่ตายด่วน แต่ถ้าเจอปัจจัยอื่นๆ (3 องค์) เข้ามาพร้อมกัน ก้อพร้อมป่วยได้ การจัดการ – คือ ถ้าเอาด่วนก้อเติมจุลินทรีย์ เพื่อเปลี่ยนสภาพ จากแอมโมเนียเป็นไนไตรท์และไนเตรท จนหายหมดด้วยการดูดซับจากพืชน้ำหรือการล้นน้ำทิ้งเอาไนเตรทออกไป คือ การ ถ่ายน้ำ หรือล้นน้ำมากๆ มากแค่ไหน ถ้าระบบเซ็ทตัวแล้ว ผมเอา 10-20% ของปริมาตรบ่อทั้งหมด ถ้าอยู่ในบ่อยางกักโรค หรือ ถ้าบ่อหลักมีปลาป่วย ผมเอา 50% ของปริมาตรบ่อต่อวัน ค่าต่างๆลดกันเห็นๆ ปลาอาจไม่ตายด่วน (ส่วนเรื่องคำนวณว่าแค่ไหน หรือจะรู้ได้ไงว่ากี่ % ค่อยมาต่อทีหลังถ้าสงสัย) 1.2 พวกกลุ่มสวิง ที่ควบคุมยาก (อาจได้บางอย่างหรือหน่วงได้) คือ อากาศ สวิง ทำให้ Temp เปลี่ยน หรือ Ph เปลี่ยนไวไว ซึ่งพวกนี้บริหารยาก การทำให้ T (ขอย่อ) ไม่แกว่ง คือ คุณจะต้องทำบ่อใหญ่ (มาก) หรือ ติดตั้ง Chiller เพื่อคุมให้ T คงที่ (คิดค่าไฟเอาว่าจ่ายไหวมั้ย) ส่วนใหญ่ ผมก้อเลือกล้นน้ำเอาเวลาอากาศสวิงแบบหน้าฝน สำหรับบ่อเล็กๆ (ถ้าอ่านมาเยอะหนังสือมักจะเขียนว่า ปลาคาร์ฟชอบการเปลี่ยนช้าๆ จะบอกว่าไม่ใช่ปลาคาร์ฟครับ สำหรับปลาทุกชนิดเลยในโลกที่เป็นเลือดเย็น (ไม่นับปลาวาฬ ฉลาม พวกนี้เลือดอุ่น) เพราะมันไม่มีระบบที่ควบคุม T ให้คงที่ไวไวในตัวเองได้ สังเกตพวกปลาทะเลที่ เจอกระแสน้ำอุ่นนี่ตายด่วนได้เลย) คือ ก้อจะเป็นวิธีหน่วงที่ง่ายที่สุดแล้ว ส่วน ph และ O2 (ออกซิเจน) ในน้ำ มันก้อขึ้นกับ T ที่เปลี่ยนในแต่ละวันด้วยการหาสารกรองที่มีคุณสมบัติเป็น Ph buffer เช่น หอย ปะการัง มาใส่ ส่วน O2 ก้อใช้ปั้มลมดีๆแต่แรก (ส่วนนี้ไม่ค่อยมีปัญหากัน คือบ่อที่ O2 น้อยนี่ส่วนใหญ่เกิดจากการออกแบบไม่ดีตั้งแต่ต้นแล้ว)
ปัจจัยแรกที่มักจะบอก ลูกค้าว่า ตัวสะสม เราควบคุมได้ ทำไมไม่เคย “ซื้อตัววัด” มาใช้หล่ะคร้าบ มีขายอยู่ทั่วไป หลักร้อย เองด้วย ไม่แน่ใจก้อไปวัดเอา ปลาไม่กินเอย ว่ายไม่ปรู้ดปร้าด สงสัยก้อวัดเอา อย่างน้อยก้อไม่เดามั่ว ถ้าเรารู้ว่าคุณภาพน้ำดี เราก้อตัดประเด็นนี้ออกไปได้ แล้วเป็นประเด็นพื้นฐานในการไม่ทำให้ตายด่วนได้ ไปตัวต่อไปกันเลย
2.pathogen คือ สิ่งที่ทำให้เกิดโรค มันก้อคือพวกจุลชีพ คือ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ แยกเป็น 2 กลุ่ม คือเชื้อโรคเลย กะ ปรสิต กะ โปรโตซัว บางคนก้อเรียก ปรสิต ว่าเชื้อ คืออันนี้ก้อแล้วแต่จะเรียกยังไงก้อตาม แต่ผมแบ่ง category ของผมดังนี้ (เพราะมีผลกะการเลือกใช้ยา) 2.1 ปรสิต และ โปรโตซัว (สัตว์เซลล์เดียว) – ปรสิต เอาที่รู้จักกันแบบฮิตๆ ก้อ เห็บ หนอนสมอ ปลิงใส (เรียงลำดับความใหญ่ จากใหญ่หาเล็กเลย) และ โปรโตซัวก้อเช่น Ich (ตัวทำให้เกิดโรคจุดขาว) , epistylis , costis , triconida , ฯลฯ คือแม่งเยอะมาก ไม่ต้องไปจำชื่อมันหรอก แค่ดูให้ออกและแยกให้ได้ ว่ามันหน้าตายังไง และทำงานยังไง และอาการยังไงก้อพอ เพื่อจะได้เลือกยาให้ถูก ผมมักเรียกกลุ่มนี้ว่าตัวเจาะ พวกนี้เป็นตัวแสบที่ต้องเอาออกก่อน การนำปลามารวม หรือ รวมแล้วก้อต้องเคลียร์อีกรอบ และมันสามารถมาใหม่ และเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่มีปลาเข้าใหม่ก้อมาได้ น่ะจ๊ะ เหมือนยุงในบ้าน เราคิดว่า ฉีดยาฆ่าไปหมดแล้ว จู่ๆวันนึง โผล่มาจากไหนอีก ทั้งๆที่ไม่เคยเปิดบ้าน เพราะฉะนั้น ความเชื่อว่า ปลาใหม่พาของเข้ามา มันก้อจริงอยู่ แต่ไม่เสมอไป ปัจจัยจากปลาในบ้านเองก้อมีส่วน ความเชื่อที่จะบอกว่า อย่าเอาปลาจากที่อื่น คือการตีกันการซื้อปลาจากฟาร์มอื่น ซึ่งไม่แฟร์เพราะปิดหูปิดตาลูกค้า เอาจริงๆ ถ้าสร้างการป้องกันที่ดีพอ จะเอามาจากไหนก้อได้ เอาอยู่หมดแหล่ะ (ถ้าไม่เจอไวรัส KHV น่ะ ตัวเดียวที่ขอยอมแพ้) ก้อไม่ต้องกลัว คิดเอาเล่นๆ ฟาร์มที่ญี่ปุ่นหลายฟาร์มหรือหลายจังหว่ะก้อไม่ใส่ยาน่ะครับ (หรือใส่บ้างไม่ใส่บ้างในบางฟาร์ม) เวลาเอามาจากบ่อดินมาแล้ว เราไปเลือกซื้อกันเลย เอาฟาร์มดังๆระดับ high class เราก้อเจอมาแล้ว เอามาก้อยังป่วย ขุดเจอปรสิต ไม่แปลก ก้อกำจัดไป คือเขาจะรีบขายจะมีเวลามาใส่ให้เราเหรอครับ ผมนำปลาเข้ามานี่ก้อไม่คิดว่ามันสะอาดหรอก ยังไงเราก้อต้องจัดการ
ความร้ายการของกลุ่มนี้ไม่พอ คือ ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสม (มันชอบน้ำเย็น หรือ ตอนปลาภูมิตก) มันแพร่พันธุ์ได้ไวมากๆ (คลิ้ปตัวอย่างคือ โปรโตซัวชื่อ epistylis เหมือนเห็ดเลย) ถ้าเห็นคลิ้ปแล้วอาจตกใจ คือขยายตัวไวมาก ไวกว่าเฟอรารี่ที่เป็นดราม่า คือ ผมว่ามันไวจนน่ากลัว ถ้าจัดการไม่ทัน แล้ว ที่สำคัญ ปลาไม่มีแขน มันเกาไม่ได้ แล้วมันจะสลัดได้ยังไง มันก้อเครียด เครียดมากๆ ภูมิตก ตกมากๆ แบคทีเรียจะเริ่มเข้าแทรกซ้อน คราวนี้แหล่ะ งานเข้าเต็มๆ ปกติ ปลาที่ตายยกบ่อ (ผมก้อเคยโดน อยากรู้ ช่วยเสนอ จะเขียนให้ดูอีกเคส พร้อมวิเคราะห์ สาเหตุมาเต็ม ไม่มีที่ตายแล้วไม่รู้สาเหตุ ผมไม่เคยโทษโรคใหม่จร้า) ผมจะไปมองพวกนี้ คือเริ่มจาก สภาพแวดล้อมเหมาะ (กลับไปอ่านข้อแรก โดยเฉพาะการสวิง ไม่ใช่สวิงกิ้ง) แพร่พันธุ์ไว เกาะตัวปลาแทบจะทุกตัวในบ่อนั้น ยิ่งถ้าปลาแน่นโอกาสโดนสูง (ปลาในธรรมชาติไม่โดนยกบ่อ เพราะว่าบ่อมันกว้างและน้ำมันปริมาตรมาก มากจนพวกนี้หา host ไม่เจอ หรือเกาะไม่ทัน) ต่อให้บ่อ 100 ตัน แต่มีปลา 200 ตัว ก้อมีโอกาสโดนได้ครับ ถ้ามันเหมาะสมน่ะ พอเกาะปลาได้ ปลาก้อเครียด เครียดพร้อมๆกัน ภูมิก้อตก ภูมิตก พี่แบคทีเรียก้อจะพร้อมเข้ามารุมสกรัม เหมือนชาวบ้านที่รอลงประชาทัณฑ์ฆาตกรฆ่าข่มขื่นเวลาไปทำแผน คือ ตีนมาแบบไม่รู้ตัวและพร้อมใจกันมา เพราะงั้น ปรสิต โปรโตซัวนำ แบคตาม เพราะงั้น เหมือนกับหาตะปูให้เจอ แล้วถอนตะปูออกก่อน ค่อยทำแผล แต่ส่วนใหญ่ เจอตัวแดง เรามักจะ.... เชื่อว่า.... เชื้อใหม่ มาจากปลาใหม่เหรอ แล้วไปฉีดยาก่อน คือยังไม่กลับไปดูไอ้สาเหตุ แรกๆ คือ เดาล้วนๆ ความแสบของกลุ่มนี้ยังไม่หมด คือ เราพูดว่าปัจจัยต้องมาพร้อมกัน 3 องค์ บางทีปลาเดิมนี่แหล่ะ มีของ แต่แค่ยังไม่แพร่พันธุ์ ปกติปลามีปลิงใส ไม่ใช่เรื่องแปลก เหมือนในบ้านเรามียุง ตัว 2 ตัว มันไม่ถึงกะทำให้เราเป็นไข้เลือดออกหรือมาเลเรียได้ เพราะฉะนั้น มันก้ออยู่ในปลาตัวเดิมนั่นแหล่ะ รอวันระเบิด (คือขยายพันธุ์) ซึ่งสิ่งที่เข้ามาใหม่ ทำให้เครียด ตัวเก่าก็อาจแผลงฤทธิ์ได้ แล้วถ้าตัวใหม่พาของมาเพิ่มก้อยิ่งสนุก แต่บางเคสตัวใหม่มีของ ตัวเก่าไม่เครียด มันก้อทำอะไรไม่ได้น่ะครับ อย่างง แต่ถ้าจังหว่ะเข้าข้อ พวกก้อพร้อมระเบิดครับ ซัลโวกันกลางประตูได้เหมือนกัน เพราะงั้นมีโอกาสทั้งคู่ ผมจะยกเคสของตัวเองให้ฟัง ปลาตัวเองเลี้ยงในบ่อ A 10 ตัว (กักโรคลงยาอะไรมาหมดแล้ว เลี้ยงมา 1 ปี ไม่เคยมีตัวไหนป่วย) วันนึง เปิดบ่อใหม่เป็นบ่อ B เอาปลาจากบ่อ A ไปอยู่บ่อ B 5 ตัว (ปลาไป บ่อ B ก้อยังไม่ป่วย) หลังจากนั้นเลี้ยงมาอีก 3 เดือน ไม่มีการนำปลาใหม่ เข้าทั้ง 2 บ่อ แต่มีการย้ายปลาจากบ่อ A ไป บ่อ B เพิ่มอีก 3 ตัว ปรากฎว่าปลาบ่อ B ป่วย และ ปลาทั้ง 10 ตัวมาจากฟาร์มเดียวกันหมด ปลาเคยอยู่ด้วยกันหมด เป็นไงหล่ะ เกี่ยวกะฟาร์มไหมครับ คิด คิด คิด ผมมักจะท้าเสมอให้ไปลองซื้อปลาจากที่เดิม และต่อให้ทางฟาร์มนั้นกักโรคมาดี แล้วโยนเลยก้อตาม ก้อมีโอกาสป่วยได้ครับ สภาพแวดล้อมเปลี่ยน เพิ่มปลา และ pathogen ในบ่อตัวเองเพิ่ม เพราะงั้น อย่าประมาท อย่าคิดว่าปลาบ้านเราไม่มีของ ทั้งๆที่เคยกำจัดไปแล้ว เหมือนยุงที่อยู่ในบ้านแล้วรอดไป ตัวหรือ 2 ตัว ยังมีชีวิต รอวันประทุ เหมือนระเบิดเวลา รอคนจุดชนวนเท่านั้น เพราะงั้นปัจจัยมันมาก ต้องเข้าใจความสัมพันธุ์ของเรื่องพวกนี้ การจัดการ – กักโรคครับ ใช้ยากลุ่มยาฆ่าเชื้อ ต้องบอกว่า หลายคนก้อมีหลายสูตร เกลือบ้าง , ด่างทับทิมบ้าง , ดิมิลิน ไตรโคฟ่อน , ฟอมาลีน , มาลาไคท์ , กูลต้า , พลาซี่ , bsdp ฯลฯ ทำไมมันเยอะยังงี้ว่ะ แล้วตั้งชื่อให้คนงงกันด้วย เอาเป็นว่า เชื่อแบบไหนใช้แบบนั้น (ผมไม่พูดเรื่องกักโรค ไม่งั้นจะเป็น 10 หน้า) แต่คำว่า กักโรค ก้อมีคนเข้าใจผิดว่ากักโรคมาแล้วจะจบง่ายๆ ผมบอกแล้ว ปลาคุณเอง ปลาตัวเอง มั่นใจหรือ ถ้าไม่เคยขูด ??? เพราะงั้นตอนรวมก้อต้องลงยาครับ แต่จะบอกว่า ตรงนี้มีเรื่องประสบการณ์เข้ามาเกี่ยว ประสบการณ์ในการดูสุขภาพและอาการปลาตัวเอง คือ ถ้ายังประสบการณ์น้อย ลงยาบ่อตัวเองเพื่อ Maintenance ทุกเดือนก้อได้ (เพื่อลดจำนวนปรสิตหรือโปรฯ) บางคนดูอาการปลาออก (คือปลาทุกชนิดเวลาป่วยต้องไวในการรู้ ถ้าลงยาช้า ก้ออาจจบด่วน) ก้ออาจไม่ต้องลงยาเพื่อ maintenance (ถ้ามั่นใจการกักโรคของตัวเอง) และถ้าเกิดอะไรขึ้นแก้ทันก้อแล้วไป แต่ไม่แนะนำให้ทำ หรือ ลูกค้ามือเก่าแต่เข้าใจช้า อาจจะบอกให้กักให้ด้วย แล้วเอาไปถึงไปโยนรวมเลยก้อเตรียมยกบ่อได้เหมือนกัน เพราะงั้น จะบอกว่า อย่าประมาทปลาตัวเองด้วย มันบูมได้หมดครับ ทั้งเราทั้งเขา รวมสำคัญกว่าตอนกักด้วย ต้องคอยสังเกต ส่วนปรสิต ถ้าไม่มีปลาใหม่มาได้ยังไงถ้าปลาเก่าไม่หลงเหลือจริงๆ ก้อบ่อเราอยู่ในพื้นที่เปิดเน๊าะ ใบไม้เอยมาลง หอย คางคก แมลง สารพัดอะไรปลิวมาลงบ่อ มันงอกมาเรื่อยๆเหมือนหญ้าอ่ะครับ ถึงต้องตัดเรื่อยๆ หรือ ลดปริมาณลงเรื่อยๆ พวกนี้สะสมครับ อยู่ที่พอกพูนไวหรือป่าวเท่านั้น ส่วนการกักโรค เอาตัวผมน่ะ ผมใช้ กูลต้า50% (เชื้อโรค ปรสิต ตัวโต) + มาลาไคท์กรีน (โปรโตซัวและเชื้อราและเชื้อโรคได้บ้าง) + พลาซี่ (ปลิงใส) ตอนกักโรค ผมเรียก 3 เกลอ และ ไม่เกลือ เน้นถ่ายน้ำ 50%
อีกตัวนึงที่ผมมักจะพูดเสมอว่า “กล้องจุลทัศน์” ก้อจำเป็น (ราคาอยู่ 5,000-7,500 ก้อได้แบบมาตรฐานแล้ว คือ ส่องปรสิต โปรโตซัวเห้นแน่ พวกแบคนี่ไม่จำเป็ ถึงนรู้สายพันไปก้อใช่ว่าจะฉีดยาถูก) ถ้าใครบอกว่า “แพง หรือ ผมไม่เลี้ยงปลาเยอะหรอก ผมจะไปส่องอะไรบ่อย ปลาผมเลี้ยงแค่นี้แหล่ะ ไม่กี่ตัวเองน่ะ” ผมถามใจลึกๆ มีใครเลี้ยงปลา ตัวเดิมเกิน 10 ปีบ้าง เอานักเลี้ยง ไม่นับพ่อค้า คือจะบอกว่า ผมเชื่อว่าคนหมุนปลา (หมายถึงซื้อเข้าเอาออก) ใน 5 ปี มูลค่าเป็นหลักหมื่นแน่ๆ ต่อให้ซื้อปลาเกรดเลี้ยงเล่นก้อตาม เทียบกะกล้องแล้ว เหมือนซื้อปลาเกรดกลางๆมาเติมอีกตัวนึง แต่ใช้ได้ยาว ทำไมจะไม่ควรมีครับ หรือแค่ขี้เกียจจับมาส่อง คือมันง่ายไง ที่จะมองแล้วเดาเลย ทำแบบนั้นได้ ถ้าแก้อาการเก่งไม่งั้นก้อต้องถามตลอดชีวิต ถามไป ถ้าคนตอบไม่ได้ข้อมูลการจัดการและสภาพแวดล้อมครบ ปลาตาย คนตอบก้อซวยอีก อย่างน้อยเบื้องต้นก้อทำให้ได้รู้ว่า มีอะไร หรือจะตัดอะไรออก มันวางแผนรักษาได้ดีกว่า และผมว่า หนึ่งในความสนุกของการเลี้ยงปลาคือ นอกจากเห็นมันโตและสวย คือได้วิเคราะห์และแก้ปัญหาครับ (เหมือนทำโจทย์เลข คือต้องรู้ให้ได้ ว่าแก้โจทย์ข้อนี้ยังไง) ขนาดผมไม่ค่อยมีเวลาก้อยังชอบตรงนี้ คนอื่นๆอาจคิดไม่เหมือนกัน อาจมองว่ายุ่งยาก แต่ผมมองว่าชีวิตนึง เอามาเลี้ยงแล้วก้อควรดูแลเค้าให้ดีที่สุด ถึงจะไม่ได้เชื่องขนาดหมาแมว จะถูกหรือแพง เค้าก้อคือ 1 ชีวิตครับ เพราะงั้น ผมเลยคิดแบบนี้ ขอโลกสวยนืดนึง
2.2 เชื้อโรค ในที่นี้เอา แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา เป็นหลัก เอาตัวแสบ ที่ฮิต ก้อ แบคทีเรีย (ไม่อธิบายเรื่องสายพันธุ์หรือแกรม) คือจะบอกว่า ปรสิต โปรโตซัว เวลาขยายพันธุ์ ก้อเรียกว่าไวแล้ว เจอ แบคนี่ ทวีคูณน่ะครับ 2 4 8 16 32 64 ขึ้นกันแบบนี้ เพราะงั้น อย่าปล่อยให้ได้แทรกซ้อนเป็นอันขาด เพราะมันจะมาไวยิ่งกว่าตด แบคนี่ใช้ยาปฎิชีวนะ หรือ ยาต้านจุลชีพอย่างเดียว ยาปฎิชีวนะ กะยาฆ่าเชื้อคนละเรื่องน่ะครับ ปลาไมได้ติดเชื้อไปใส่ซี้ซั้ว บอกว่ากันไว้ก่อน ระวังจะดื้อยาเอาง่ายๆ เวลาป่วยจริงหายารักษาลำบาก ส่วนตอนวิเคราะห์ก้อดูจากรอยโรคและ ยาที่จะเข้าไปจัดการระบบนั้นๆ คือต้องรู้คุณสมบัติยาและสัมพันธุ์กะรอยโรคซึ่งถ้าถึงจุดนี้แล้วยาก มีทั้งแช่และฉีด เพราะบางทีถ้าฉีดหายโดยใช้ยา gen สูงๆ โอกาสไปต่อไม่ได้มีมาก ถ้าป่วยอีก เพราะงั้นโปรดคิดก่อนจิ้ม เพราะส่วนใหญ่จิ้มแล้วมักไม่รอด 555 ตัวต่อมา ไวรัส ไวรัสไม่มียาที่ไหนรักษาได้ แม้แต่หวัดในคน มนุษย์เป็นหวัด แล้วเจ็บคอ สิ่งที่ทำได้คือ ยาฆ่าเชื้อแบคในคอ และ กินน้ำเยอะ นอนเยอะ ไม่นอนดึก หรือออกกำลัง กิน vit C ไวรัสเป็นอะไรที่สัมพันธุ์กะภูมิ ไวรัสกลายพันธุ์ได้ ถ้ามีคนพูดว่าเชื้อใหม่เป็นไวรัส ผมพอฟังได้ แต่ไวรัส KHV เอาไม่อยู่น่ะครับ โดนคือหมด (ไม่เคยเจอและไม่อยากเจอ) ส่วนไวรัสอื่นๆ เจอมาแล้ว เอาตัวดังๆ เช่น carppox หรืออีกตัวนึงชื่อ sleep disease ที่ทำความเสียหายให้ฟาร์มทั่วไปเกิน 50% ฟาร์มบ้านเราหลังๆ ไม่ค่อยมีใครนำปลาที่ยังไม่ทำ sleep เข้ามาอีก เพราะการสูญเสียน่าจะเยอะกว่า ผมเคยโดนครั้งนึง แต่สูญเสียไปเพียง 10% ถามว่ารอดมาได้ไง ทั้งๆที่เค้าบอกให้ใช้เกลือ (เค้าไหนไม่รู้) เรื่องมันง่ายกว่านั้น คือ ถ่ายน้ำเกิน 50% (ประมาณ 50-70) และ ลงยาคุมแบคแทรกซ้อน (เป็นกลุ่ม Gen ต่ำ แบบกว้างๆ เช่น เอนโร) แต่เหนื่อย กว่าจะนิ่ง จะบอกว่า ถ่ายน้ำคือนิพพานจริงๆ ให้ปลาป่วย การรักษาคุณภาพน้ำให้ดี เป็นการประวิงเวลาให้เราได้คิดวางแผนรักษาได้ดีขึ้น เหมือนคนให้น้ำเกลือเพื่อให้สดชื่นต่อไปก่อน (แต่ผมไม่ใช่เกลือ ทั้งๆที่รู้ว่าทำให้ปลาเครียดน้อยลง เพราะการจัดการมันวุ่นวายกว่า หลังจากถ่ายน้ำแล้วต้องเติมตลอดเพื่อรักษาระดับเกลือ หลังๆ ทำระบบถ่ายน้ำให้ดี มันบริหารง่ายกว่า ส่วนใหญ่ใช้ตอนหมดแรง ว่ายไม่ไหว เพื่อให้มันใช้พลังงานน้อยลง ไม่โหลด) หลักๆการจะสู้กะไวรัสคือเรื่องภูมิเรื่องเดียวเลย ซึ่งส่วนใหญ่บริหารผ่านการรักษาคุณภาพน้ำ ใครทนได้ทน ทนไม่ได้ตาย ส่วนเชื่อรา ไม่มีอะไรมาก ไม่ค่อยตาย (แต่เป็นหนักๆก้อตายได้น่ะ) แต่สิ่งที่เสียไปคือไม่สวย แต่ส่วนมาก พวกมักมากะโปรโตซัวด้วย ตัวที่เป็นปัญหาคือโปรโตซัวนี่แหล่ะเพราะสายพันธุ์มาก ฆ่ายาก คือต้องไวกว่า และขยายตัวไว (กว่าปลิงใส) เรื่องเชื้อท้องถิ่น อันนี้เป็นไปได้ เช่น ฝรั่งมาไทย มากินของดิบ เช่นก้อยดิบ ท้องร่วง อาจถึงตายเลย แต่คนไทยไม่เป็น เวลากินก้อยบ้าง อย่างมากก้อท้องเสีย คนไทยทนเชื้อแบบนี้ได้ เหมือนปลา มันเกิดบ้านมันมีโอกาส เจอเชื้อบ้านเราได้ และ ทนไม่ได้ แต่ไม่ใช่เชื้อใหม่ เชื้อเดิมนี่แหล่ะแค่ต่างถิ่น ส่วนไวรัสอาจกลายพันธุ์ได้ ตราบใดที่ไม่ใช่ KHV ถ้าจัดการดีๆ ลดความสูญเสียได้ การจัดการ – แบค = ยาปฎิชีวนะ , ไวรัส = ล้นน้ำหนักๆปฎิชีวนะคุมแทรกซ้อน อาจมีการให้ยาฆ่าปรสิตด้วย กรณีไม่ได้กักมา แต่ก้ออาจจะขูดดูก่อน และ เพิ่ม T โดยใช้ Heater ช่วยถ้ามี , เชิ้อรา = มาลาไคท์กรีน การจัดการ สภาพแวดล้อม – เพื่อลดปริมาณเชื้อดรค เราควร......ล้างกรองบ่อยๆ เพราะในกรองมีทั้งแบคดี แบคไม่ดี ลดปริมาณเชื้อโรคในบ่อได้ มันก้อดีครับ ที่เค้าบอกว่าล้างกรองบ่อยๆ ก้อคือลดแหล่งสะสมโรค บางคนบอกว่าใช้ด่างได้ไหม ก้อพอได้ครับ ใช้จัดการสารอินทรีย์ในบ่อ ปกติผมใช้ก่อนล้างกรองวันนึง แต่ระวังความเชื่อผิดๆน่ะครับ คือจะเอา เชื้อโรคทุกอย่างในบ่อออกเหลือ 0 เป็นไปไม่ได้น่ะครับ ลองคิดเล่นๆ เราเอาไวรัสหวัดออกจากอากาศได้ไหม แต่มนุษย์ไม่เป็นหวัดเพราะภูมิคุ้มกัน มันเลยล่อเราไมได้ ในน้ำก้อมีแบคครับ เป็นปกติ สิ่งมีชีวิต มันอาศัยร่วมกันแต่แค่มันจะรุกรานตัวอื่นได้อย่างไรเท่านั้น มันอ่อนแอกะตัวไหน
3.Host ความหมายนี้ก้อคือตัวปลาเอง ความเครียดคือปัจจัยหลัก ที่สำคัญสุด ปลาคาร์ฟใจเสาะน่ะครับ ใครบอกว่าอึด มันแค่ไม่ออกอาการ เวลามันป่วย เวลาออกอาการคือใกล้ตายแล้ว นั่นคือสาเหตุที่ต้องเห็นไวไว ความเครียดมากจาอะไรได้บ้าง 3.1 การเพิ่มจำนวนปลา คือมีเด็กใหม่เข้ามา หรือจะปลาแปลกๆอื่นๆ คือเอาตัวใหม่เข้ามาก้อเครียดหมด สัตว์จะมองว่าถูกรุกราน 3.2 ปริมาณบ่อที่หนาแน่น คือกรณี ปลาเลี้ยงเดิมๆแล้วโตขึ้น ก้อจะเครียดเองอัตโนมัติ เพราะมันอึดอัด ถ้าบ่อเล็กน่ะ และข้อนี้ธรรมชาติจะจำกัดตัวเองคือจะโตช้า นี่เลยเป็นสาเหตุที่เวลาเลี้ยงบ่อแน่นๆแล้วไม่โต 3.3 สภาพแวดล้อมไม่ดี คุณภาพน้ำ และ การสวิงของ parameter ต่างๆที่มีผลต่อค่ามาตรฐานของน้ำที่จำเป็น (บางที Overfeed ก้อทำให้น้ำพังถ้าไม่ล้างกรอง ก้อพาพี่แกเครียดอีก) 3.4 pathogen (อ่านด้านบน) 3.5 ตัวปลาเอง เคยเห็นปลาแกรนไหมครับ (ไม่ใช่แกรนแชมป์น่ะ) คือเหมือนเด็ก แข็งแรง กะเด็กอ่อนแอบ่อย พวกนี้ตัวอ่อนแอกว่า มันไวกะการเปลี่ยนแปลงมากกว่า โรคก้อเข้ารุมไวกว่า คือ DNA เขาเองเลยครับ ทั้งใจเสาะด้วย สีหลุดง่ายๆไม่มีสาเหตุทั้งที่น้ำคุณภาพดี การปรับ T เหมาะสม ไม่เร่ง ยังหลุดได้ (DNA เค้าเลย) บางตัวเนี่ย โดนปลิงนิดเดียว ตาย แบคยังไม่เข้าด้วย บางตัว คือ แหว่งไม่รู้จะแหว่งยังไง (รักษาที่สภาพแวดล้อมเหมือนกันน่ะ) แบคเข้าแล้ว ยังรักษาได้ เรื่องความอึดนี่ปัจจัยส่วนตัวปลาเองเลยครับ เรียกว่าเหมือนคนถูกรถชน บางทีเห็นสภาพแล้วไม่น่ารอด ปัจจัยส่วนนึงก้อเรื่องจิตใจน่ะ สิ่งมีชีวิตทุกอย่างมีจิตเป็นของตัวเองหมด (มาเรื่องพุทธได้ไง) อยู่ที่จะสู้แค่ไหนเท่านั้น 3.6 สิ่งรบกวนอื่นๆ เช่น แสงไฟแว้บๆ เสียงดังๆ เช่นข้างบ้านมาขุดมาตอก ฯลฯ คือ ปลาคาร์ฟตกใจโคตรง่าย อะไรที่ทำให้ตกใจได้ เครียดหมด 3.7 การไปตักปลาบ่อยๆ ก้อเครียดสิครับ จู่ๆ มาย้ายตัวกรูอีกแล้ว ชีวิตแห่งการโยกย้ายนี่มันชีวิตปลาคาร์ฟจริงๆ ดีที่ไม่ย้ายไปอยู่บนเตาย่าง
การจัดการ – ทำไงก้อได้ไม่ให้เครียด หรืออย่าเลือกปลาอ่อนแอมาเลี้ยง กำปั้นทุบดินไปไหม 55555
สรุป สรุป สรุป มี 3 ส่วนแค่นี้จริงๆ หาความสัมพันธุ์และเข้าใจ Mechanic หรือ ความสัมพันธุ์ของปัจจัยที่มาเกี่ยวข้องให้ได้ แค่เราไม่เคยทำการ recheck ว่า มันมีปัจจัยที่ต้องรออยู่แล้ว 1 ใน 3 มันแค่รอครบ คือมาแค่ 2 ดอก ไม่ป่วยน่ะ หรืออยู่เฉยๆไม่มีปลาเข้า ยังป่วยได้เลย ไม่แปลกครับ ถ้าคิดแบบนี้ได้ ไม่ต้องไปโทษ ปลาใหม่ เชื้อใหม่ หรืออะไรทั้งนั้น ให้โทษตัวเอง หลักๆที่เขียนมา ไม่ได้อยากจะโชว์เก๋า (ปกติไม่หวง แต่ไม่ค่อยมีเวลา แต่ไม่ไหวจริงๆ กะความเชื่อผิดๆหลายๆอย่าง เลยต้องทนเขียนมาแชร์ ไหนๆก้อไหนๆ เอาให้ได้ประโยชน์หน่อย) แต่เพราะเข้าใจกันผิดเยอะ ผมพุดให้แทนพ่อค้าคนอื่นๆ ด้วย ไม่งั้นจะซวยเวลาลูกค้าจัดการไม่ได้ จะมาบอกว่ามาจากที่นั่นที่นี่ และ สร้างความเข้าใจใหม่ให้คนเลี้ยงด้วย จะได้เข้าใจตรงๆกันว่ามันมีหลายปัจจัยจริงๆ คือ ให้ต้นทางจัดการดี หรือจัดการไม่ดี เราก้อต้องจัดการให้ถูกต้อง จะได้เลิกเชื่อผิดๆในหลายๆอย่าง
ลองมารวมความเชื่อผิดๆกันก่อน 1.ปลาใหม่พาปลาเก่าป่วย เป็นไปได้ แต่ก้อไม่จริงเสมอไป (ดูวงจร 3 เหลี่ยม อมตะนิรันดร์กาล) 2.เชื้อใหม่ ไม่มีจริง เชื้อไม่มั่นใจตัวเองสิแน่นอน 3.กักโรคให้พี่ด้วยเลยน่ะ แล้วคิดว่า ลงยาแล้วจะจบ ไม่จริ้ง ไม่จริง เสี่ยงโคตรๆ มันเสี่ยงตอนรวมนี่แหล่ะ อย่าขี้เกียจลงยาตอนรวมปลาน่ะครับ ถ้าจัดการเหตุที่เกิดหลังจากนี้ไม่ได้ (ไม่รวมถึงลงผิดโดส ใช้ยาผิด ลงแล้วหมดเวลายาแล้วไม่ถ่ายน้ำ บลาๆๆๆ) 4.ต้องซื้อปลาจากฟาร์มเดียวเท่านั้น แล้วจะไม่ป่วย ไม่จริง 100% เหมือนกัน (ยกตัวอย่างไปแล้ว) ปลามาจากที่ไหนก้อเสี่ยงเหมือนกันหมด เหมือนกับว่า ถ้าคุณไป Poseidon แล้วเที่ยวกะคนเดิมๆบ่อยๆ ครั้งหน้าเฮ้ย คนนี้ซี้ ใช้บริการมานานแล้วน่า คงไม่ต้องใช้ถุงก้อได้มั้ง ถ้าต่อไปได้ยินใครคิดแบบนี้ ผมจะฟ้องเมียที่บ้านคุณ 55555 ทำยังกะเที่ยวเก่งนักหนา ไม่ใช่นะครับ ผมไม่รสนิยมอาบน้ำ อาบเองได้ครับ 5555
หลายคนอาจจะคิดว่า อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเหนื่อย ปลามันหยุมหยิมขนาดนี้เลยเหรอ จะบอกว่า เราต้องมี คุณสมบัติ 3 เรื่องที่ดี ในการเลี้ยงให้รอด (ไม่นับเรื่อง เลือกปลา เพาะปลา แต่งปลา ขายปลา ออกแบบบ่อปลาน่ะครับ) เอาแค่ให้รอด เพราะเรากำลังเขียนให้ “มือใหม่” หรือ “มือเก่า” ที่ยังไม่เข้าใจ อ่าน เพราะเราใช้ตรรกะวิทยาศาตร์ การรักษาโรคมันเป็นเรื่องวิทยาสสตร์น่ะครับ ไม่ใช่ Art เพราะงั้น มันมี แต่ Fact และ Logic เท่านั้น
1.ต้องมีความรู้ – อันนี้อ่าน หาข้อมูล ที่มีแหล่งอ้างอิง หรือที่มีผลวิจัย หรือคุยกะคนที่มีประสบการณ์ (แต่ก้อต้องดูวิธีการคิดด้วยน่ะ ว่ามีเหตุมีผล ในความสมเหตุผลด้วยหรือไม่ คือตรรกะเพี้ยนไหมเท่านั้นแหล่ะ) หรือคุยกะแพทย์ ทั้งแพทย์สัตว์แพทย์สัตว์น้ำ (ส่วนใหญ่ที่ปรึกษามาก้อตรรกะทางเดียวกันหมด) ความรู้เป็นเรื่องของ data ครับ เลี้ยงแรกๆผมอ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า สะสมข้อมูลเพื่อรอประมวลผลเพื่อเก็บเป็นประสบการณ์ ใครอ่านเยอะ หา data เยอะวิ่งทันคนเก่าๆได้ครับ ส่วนนี้ที่ฟาร์มพยายามจะทำ มันอยู่ในแผนทำงานที่เราจะให้ลูกค้า ที่เขียนมาทั้งหมดนี่มีแหล่งอ้างอิงได้หมด ไม่ใช่บทความด้วย และผ่านการทดลองมาเองถึงพุดได้)
2.ความเข้าใจ – (หัวข้อ topic นี้คือปลาป่วยน่ะ ไม่ใช่เรื่องอื่นๆ) ที่มักจะเรียกว่า เข้าใจในตัวปลา ก้อคือเข้าใจธรรมชาติของปลา และของน้ำ เรื่องความเข้าใจ พูดยาก มันเรื่องของการจัดลำดับความคิดในหัว มันสอนกันไม่ได้ พยายามอธิบายด้วยการเปรียบเทียบ ถ้าเข้าใจได้ก้อดี การวิเคราะห์จะตามมา แล้วตรงนี้ “ประสบการไม่เกี่ยว” ผมจะบอกว่า เหมือนกับ ทำไมพระบางองค์บวชมา 20 พรรษา ใจยังทุศีล กะ อีกองค์บวชมาแป้บเดียวบรรลุ ตัดกิเลสได้ อันนี้มันเรื่องความเข้าใจครับ (เทียบพระพุทธเจ้ากะพระเทวทัตย์ก้อได้ ชัดดี เพราะบวชมาพร้อมกันเลย) เพราะงั้น ใครเข้าใจไวกว่า แซงกันได้ครับ แซงกันเรื่องนี้ แล้วส่วนใหญ่มันเรื่องการรักษา ดูแล จัดการให้เค้ามีชีวิตรอด เพราะเป็นวิทยาศาสตร์หมด ความเข้าใจนี่ถ้ามามันก้อมาเลย คือ รู้แล้วคือรู้เลย ส่วนนี้การทำงานของเราคือ เรามีสัตวแพทย์ที่เป็นที่ปรึกษาที่คุยด้วยอยู่ตลอด 2-3 คน แล้ว เวลามีเคส ก้อจะมานั่งวิเคราะห์กันในทีมเสมอ ถ้าตาย บางเคสไม่เข้าใจ ก้อเอาไปชันสูตร มันก้อหาสาเหตุแล้วใช้เป็น know how ในครั้งต่อๆไปได้ คือทำให้มันเป็นระบบ และ สิ่งที่ต้องจำและเข้าใจคือ เข้าใจปัจจัยที่เกี่ยวข้องว่ามันมีผลยังไงกะ อะไร ถ้าเข้าใจกระบวนการได้ มันก้อพลิกเรื่องอื่นๆได้ เข้าทำนอง กระบี่อยู่ที่ใจ อิอิ
3.ประสบการณ์ – อันนี้ก้อสำคัญ ประสบการณ์จะบอกว่า ไอ้ที่เราลองมาถุกไหม และมั่นใจที่จะบอกต่อได้ ส่วนใหญ่มือเก๋าๆ จะได้ประสบการณ์จากการดูพัฒนาการของปลา เช่น จะบอกได้ว่า ถ้ามาแบบนี้ มันจะกลายเป็นแบบนี้ในอนาคตนั่นคือเหตุผลที่ผมต้องแบ่งปลาเลี้ยงกะปลาขาย เพราะตัวนี้ ต้องพึ่งประสบการณ์ เพราะถ้ามีปลาอายุนานๆมันจะสามารถบอกต่อไปได้ ว่ามันควรจะไปในทางไหน ผมไม่ใช่พ่อค้าที่แบบว่าเงินมาผ้าหลุดทุกตัว (คือหวงปลาตัวเองครับ แต่บทจะขายก้อให้ถูกๆได้ ถ้ามั่นใจว่าเอาไปดูแลดี) อีกเรื่องก้อ คือเรื่องอาหาร ที่ต้องใช้ประสบการณ์ ส่วนใหย่ไปถาม เอาลึกๆไม่ค่อยเชื่อ ก้อต้องลองเองถึงชัด อันนี้เลยต้องทดลอง กะการเลี้ยงให้สวย อันนี้พวกเซียนตามงานประกวด เป็นเรื่องเทคนิกที่ส่วนใหญ่จะแชร์กัน เช่น ทำไงให้ขาว หรือใช้สารกรองใช้แร่อะไรดำมา ปลาแบบนี้ดำจะมาไหม แดงจะขยายไหม แนวโน้มจะขาวขึ้นกว่าเดิมได้ไหม อันนี้ Art ล้วนๆ และ เราเก็บประสบการณ์และเอามาทดลองทำเองได้ อันนี้เพื่อนๆในวงการก้อแนะนำกันได้ดีอยู่ ส่วนประสบการณ์ในการแต่งปลา ผมไม่เอา เพราะไม่คิดจะทำ คือให้คนอื่นทำแทน เรื่องนี้ไม่ฝึกจร้า 5555 อีกอันก้อประสบการร์ในการเลือกปลา ก้อ Art เพราต้องมีจินตนาการคู่ด้วย อันนี้เซียนจะเก่งเพราะผ่านตามาเยอะกว่า อันนี้ก้อต้องให้ผ่านตาเยอะๆเข้าว่า ดูปลาตัวเองด้วย ดูมันบ่อยๆว่างั้น ดูบ่อยดูถี่ บางทีก้ออาจพัฒนาไวกว่าคนดูมาหลายปีที่ไม่ค่อยดูบ่อยน่ะ ประสบการณ์ในการรักษาปลาจะมีคุณค่าได้ คือ อย่าผิดบ่อย ในเรื่องเดิม ย้ำว่าเรื่องเดิม คือถ้าเจออะไรมาขอให้ผ่านไปครั้งเดียวแล้วจำ มันจะพัฒนาไปไว 3 ปีก้อทัน คนเลี้ยงมาก 10 ปีได้ ถ้าเรื่องรักษาน่ะ ถ้าใครอ่าน 3ก๊กแล้วชอบโจโฉ จะจำได้ที่ว่า ถ้ารบแล้วแพ้ ครั้งต่อไปเขาจะยิ่งแข็งแกร่ง จะบอกว่า ประสบการณ์ในปลาป่วย ผมก้อว่าผมเจอเยอะพอควร แต่สิ่งที่ไม่เคยหยุดคือ ต้องหาสาเหตุให้ได้ รักษาหายเพราะอะไร ปลาตายเพราอะไร และถ้าเป็นได้ ขอให้ทุกอย่างเจอครั้งเดียว เช่นการยกบ่อ (ใครอยากให้เขียน วิเคราะห์มาเป็นฉากๆยังกะวิจารณ์หนังฆาตกรรม ก้อช่วยกันแชร์ ถ้าได้ 100 like เดี่ยวเขียนแชร์ให้ 555 คือไม่พ้น สามเหลี่ยมพื้นฐานครับ) เพราะงั้น ใครบอกว่า ปลาตายมาเป็นคันรถ ผมบอกเลย ถ้าตายเพราะเหตุเดิมๆนี่ผมว่า ใช้ประสบการณ์ไม่คุ้มแระ ทำนองว่าเจ็บแล้วจำคือคนเจ็บแล้วทนคือ...... อันนี้ต้องบอกว่า ไม่ได้มาเหยียบย่ำคนที่ยกบ่อบ่อยๆน่ะ แต่ถ้าได้เข้าใจและคิดดีๆ คุณกลับมาค่อยๆคิด ถึง 3 ปัจจัยหลักว่าทำอะไรผิดไปหรือป่าว แล้วค่อยๆแก้ มันก้อลดความผิดพลาดได้ ให้กำลังใจกันอยู่ครับ อย่ายกกันบ่อยๆเลยครับ สงสารปลา สงสารกำลังใจคนเลี้ยงด้วย ควบคุมไม่ให้เกิด 3 ปัจจัยหลักพร้อมกันได้อย่างสม่ำเสมอก้อปลอดภัยแล้ว
แล้วก้อช่วยซื้อ ที่วัดคุณภาพน้ำ และ กล้องจุลทรรศน์กันด้วยจะดีมากน่ะครับ สำหรับคนที่เสียปลาได้ เพราะคิดว่าตัวละไม่เท่าไหร่อันนี้ไม่ว่ากัน แต่ผมเคยเจอลูกค้าที่เค้าห่วงปลาจริงๆ คิดถ้าซีเรียสก้อเล่นหน่อย แต่ถ้าคิดว่ายังอยู่ในหนทางเดาก้ออย่าบ่น ทางใครทางมันเด้อ 555
ขอให้มีความสุขในการเลี้ยงครับ ถ้าท่านไหน สงสัยการรักษาปลา ก้อทัก IB มาได้ แต่อาจจะตอบช้าหน่อย (เรื่องช้านี่อย่าว่ากันน่ะครับ) แต่ตอนนี้มีทีมงานหลายคนครับ ถ้าผมไม่ว่างก้อจะให้คนอื่นๆตอบแทน หรือ เข้าไปตามลิ้งนี้ครับ
หรือ Page : Easy Koi Center
หรือ Ib หรือ จะไลน์มาที่ ID : nut4speed
Comments